Sale Tools สำหรับธุรกิจแบบ B2B จะใช้อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ : เครื่องมือการขายสำหรับธุรกิจแบบ B2B นั้นหลายท่านอาจจะคิดว่ามีความยุ่งยากและซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถทำได้ไม่ยากและค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่ากับเครื่องมือการขายในแบบ B2C
โดยจะพิจารณาถึงรูปแบบและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายในธุรกิจนั้นๆ มาเป็นแนวทางในการเลือกใช้ Sale Tools ที่เหมาะสมและคุ้มค่า โดยจะขอยกตัวอย่าง Sale Tools ในแบบต่างๆพร้อม function ให้ท่าได้ศึกษาและทดลองนำไปใช้ดังนี้
Sale tools Offline ยังจำเป็นสำหรับการทำธุรกิจแบบ B2B
- Corporate Identity
ด้วยเทรนด์ของการออกแบบที่เปลี่ยนแปลงไป การออกแบบอัตลักษณ์ของบริษัทจำเป็นต้องสร้างตัวตนของแบรนด์ให้ดูเป็นมิตรและอ่อนโยน ดั้งนั้นการใช้รูปแบบตัวอักษรและดีไซน์นั้นดีไซน์เนอร์ต้องมีความเข้าใจในตัวธุรกิจและนำมาปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจ เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์และรูปแบบที่สามารถสื่อไปยังผู้บริโภคได้
- Company Profile ที่บอกถึงภาพรวมของธุรกิจ
การทำธุรกิจแบบ B2B มักจะต้องใช้ Company Profile เพื่อเป็นเครื่องมือในการแนะนำธุรกิจ โดย Company Profile นั้นจะต้องมีการเล่าถึงจุดแข็งและข้อแตกต่างของธุรกิจนั้นๆได้ในแบบที่แคบและลึก ข้อความและกราฟฟิคที่ประกอบจะต้องมีความสอดคล้องและสวยงาม อีกทั้งควรจะสามารถบูรณาการกับสื่อ Multimedia อื่นๆในองค์กรได้เช่น Website / Application / VR เป็นต้น
- ใช้แคตตาล็อกเป็นเครื่องมือช่วยในการขายให้กับพนักงาน
แคตตาล็อกเป็น Sale tools ที่คลาสิคที่สุด ปัจจุบันยังคงต้องมีและต้องใช้ ในกรณีที่ธุรกิจมีสินค้าหลากหลายประเภท แคตตาล็อกสินค้าจะมีข้อมูลรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับพนักงานขายในการนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าได้รับทราบ แคตตาล็อก ที่ดีต้องสามารถนำเสนอได้ทั้งแบบ Online และ Offline (ตัวอย่างการทำ แคตตาล็อคออนไลน์)
- ใช้ POP และ OHM ในการประชาสัมพันธ์แบบเจาะจงและเข้าถึง
ตัวอย่างเช่นการวางบิลบอร์ดในพื้นที่ๆมีกลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่ หรือเดินทางผ่านเป็นประจำเพื่อให้เกิดการจดจำและระลึกถึง Brand หรือการสร้างแคมเปญ ที่ต้องการให้เกิด impact กับกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากๆ
Sale tools Online มีความสำคัญมากในธุรกิจ B2B
1. Website
เว็บไซต์เป็นสื่อ Online ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นสื่อแรก การมีเว็บไซต์จะเป็นเครื่องมือการขายที่ช่วยบอกข้อมูลรายละเอียดข้องสินค้าและ บริการให้กับ กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ พร้อมกับบอกช่องทางติดต่อเพื่อให้ลูกค้าที่สนใจเข้ามาสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมได้ และสิ่งที่สำคัญคือการทำ SEO เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาเราเจอได้ในอันดับต้นๆ
2. Online presentation
Online presentation เป็นเครื่องมือการขายที่สำคัญในการนำเสนอตัวธุรกิจ ไม่เพียงพนักงานขายเท่านั้นที่จะใช้ตัว Online presentation ผู้บริหารก็จำเป็นต้องใช้ Online presentation ในการนำเสนอธุรกิจเช่นกัน ดังนั้น Online presentation ต้องมีความน่าสนใจทั้งตัวเนื้อหาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย พร้อมกับดีไซน์ที่น่าสนใจเข้ากับตัวธุรกิจ
3. Video presentation
วีดีโอได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้การสร้างวีดีโอพรีเซ้นเทชั่นกลายเป็นสิ่งที่ธุรกิจ B2B จำเป็นต้องทำ เพราะการหาข้อมูลใน Google และ Youtube วีดีโอจะช่วยบอกข้อมูลและรายละเอียดของธุรกิจที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย พร้อมทั้งสื่อสารรายละเอียดต่างๆ ได้ ทั้งนี้วิดีโอนี้ยังรวมไปถึงวิดีโอ Background แบบต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของเว็บไซต์ และเรื่องราวของเนื้อหาที่อยู่ในเว็บไซต์เพิ่มขึ้น
บริษัทไจแอนท์ พอยท์ จำกัด พร้อมให้บริการเครื่องมือการขาย ตัวอย่าง ผลงาน และวิธีการที่กล่าวมาในข้างต้น เกิดจากการร่วมกันสร้างสรรค์ระหว่าง Giant Point และลูกค้าของเรา แนวคิดเหล่านี้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำ Company Profile ของคุณได้ แต่หากคุณต้องการผู้ช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาสมบูรณ์แบบและประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย รวมถึงให้ผลทางด้านการตลาดที่ดีขึ้น เราพร้อมเป็นผู้ช่วยให้แก่คุณได้
บริษัท ไจแอนท์ พอยท์ จำกัด คือผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต และออกแบบ กราฟฟิคดีไซน์มายาวนานกว่า 16 ปี ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยทีมงานมืออาชีพ มากด้วยประสบการณ์ในการดูแล เราสามารถให้คำปรึกษาในเรื่องของรูปแบบการนำเสนอทั้งแบบ oflineและ แบบ Oline จากทีมงานที่มีประสบการณ์มายาวนาน หากคุณกำลังมองหาสื่อประชาสัมพันธ์ในธุรกิจของคุณ เราคือคำตอบที่ดีที่สุด